• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่านนิยายสยบฟ้า พิชิตปฐพี เล่ม 13 ตอนที่ 2

    ภายในสวนสงบเงียบ ลมหนาวพัดหิมะและน้ำค้างแข็งที่จับอยู่ตามกิ่งไม้ให้ร่วงหล่นดังซ่าๆ คล้ายเสียงลูกธนูพุ่งออกจากแล่ง และก็คล้ายเสียงเม็ดกรวดเม็ดทรายในสมรภูมิรบซ่านกระเซ็นกระทบกับชุดเกราะ

    ซย่าโหวมองน้ำชาในถ้วยซึ่งมีสีแดงเข้มคล้ายโลหิต เงียบไปนานก่อนยกถ้วยขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด สายลมพัดเสื้อคลุมบนร่างให้พลิ้วไหว ดูองอาจห้าวหาญอย่างบอกไม่ถูก ราวกับมันกำลังดื่มสุราจิ่วเจียงสองกลั่นอย่างไรอย่างนั้น

    เสียงเย็นยะเยียบชวนหนาวเหน็บใจของแม่ทัพใหญ่ดังขึ้น

    “ปีนั้นเคอเซียนเซิงถือกระบี่บุกเข้าเข่นฆ่าในสำนัก คนที่อยู่ในสำนักตอนนั้นบ้างตายบ้างหลบหนี แต่ละคนต้องระเหเร่ร่อนอยู่อย่างลำบากยากแค้น ทุกข์ทรมานถึงที่สุด แต่นิกายหมิงข้ายึดหลักผู้ที่เข้มแข็งกว่ามีสิทธิโดยชอบธรรม ดังนั้นแม้คนในนิกายจะหวาดกลัวเคอเซียนเซิง ยึดถือมันเป็นดั่งพยัคฆ์ที่กระหายเลือด แต่กลับไม่เคยคิดชิงชังคั่งแค้น ตอนนั้นข้ายังอายุน้อย เพิ่งจะหลุดจากการควบคุมของสำนัก จึงมีความรู้สึกเหมือนมัจฉากระโดดลงมหาสมุทร เบิกบานมีอิสระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังเดินทางลงใต้ไปยังดินแดนจงหยวนกับน้องสาว ได้เข้าเป็นทหารแคว้นต้าถัง ได้รู้จักสหายดีๆ มากมาย ก็ยิ่งรู้สึกสุขใจ”

    หนิงเชวียตอนนี้มิได้มองหน้าซย่าโหว สองตาเอาแต่จ้องถ้วยชาตรงหน้า น้ำชาสีเข้มทำให้มันนึกถึงเรื่องราวเก่าๆ และภาพในอดีตมากมาย อย่างเช่นสิงโตหินผุกร่อน คราบเลือดเจิ่งนอง ชีวิตในวัยเด็กและความสุขสนุกสนานในจวนแม่ทัพ ครั้นแล้วน้ำเสียงดังกังวานของซย่าโหวก็ลอยเข้ามาในภวังค์แห่งความหลังของมัน หนิงเชวียขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่าซย่าโหวจะเปิดฉากด้วยการยอมรับว่าตัวเองเป็นคนพรรคมาร

    “ผู้คนในแผ่นดินเรียกนิกายหมิงว่าพรรคมาร เรียกคนอย่างพวกข้าว่าเศษเดนพรรคมาร เซียนเซิงใหญ่ ท่านเป็นศิษย์ของจอมปราชญ์ ย่อมไม่สนใจในเรื่องพวกนี้ ทว่าคนทั้งแผ่นดินมิได้เป็นเช่นท่าน หลังจากน้องสาวข้าเข้าเมืองฉางอันแล้ว ข้าก็ช่วยปกป้องชายแดนให้แก่แคว้นต้าถัง สะสมความดีความชอบจนได้ดำรงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ คิดไม่ถึงมีอยู่วันหนึ่ง มู่หรงแค่ร่ายรำเพลงเดียว ท้องฟ้าก็ถึงกับถล่มลงมา ฐานะปราชญ์หญิงของนางถูกเปิดเผย อาศรมเทพแห่งซีหลิงฉวยโอกาสทำเรื่องนี้ให้ใหญ่โต ทางหนึ่งให้เจ้านิกายส่งจดหมายขอคำอธิบายไปที่ราชสำนักต้าถัง อีกทางหนึ่งส่งต้าเสินกวนทั้งสามมาที่เขาหมินซานเพื่อกดดันข้า”

    ซย่าโหวนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนกล่าวต่อว่า

    “ตอนนั้นข้าเฝ้าภาวนาให้ราชสำนักออกมาแสดงท่าทีปกป้องข้าบ้าง หรือบางทีจอมปราชญ์อาจจะยอมพูดสักประโยค ทว่าราชสำนักกลับนิ่งเฉย จอมปราชญ์ก็มิได้เอ่ยวาจา เพื่อมิให้ฐานะศิษย์นิกายหมิงของข้าสร้างความลำบากให้กับน้องสาวที่อยู่ในเมืองหลวง ข้าจึงได้แต่ต้องสังหารมู่หรง ทรยศต่อนิกายรับตำแหน่งเค่อชิงของอาศรมเทพ กลายเป็นสุนัขรับใช้ของเฮ่าเทียน”

    ถึงตรงนี้มันก็เงยหน้าขึ้นถามศิษย์พี่ใหญ่ว่า

    “ขอถามเซียนเซิงใหญ่ หากท่านตกอยู่ในสถานการณ์เช่นข้า ท่านจะเลือกทำเช่นไร”

    ศิษย์พี่ใหญ่มิได้ปิดปากเงียบอีก และก็มิได้ยิ้ม เพียงแต่มองต้นไม้ในสวนเหมันต์ คล้ายกำลังรำลึกถึงเรื่องราวของตัวเองเมื่อหลายปีก่อน พลางตอบว่า

    “หากเป็นข้า มากันกี่คนก็ฆ่าเท่านั้นคน”

    ได้ยินคำตอบ ซย่าโหวก็ระเบิดเสียงหัวร่อดังลั่น กล่าวว่า

    “ฮ่าๆๆ เซียนเซิงใหญ่เป็นบุคคลระดับใดแล้ว มิหนำซ้ำด้านหลังท่านยังมีจอมปราชญ์ยืนอยู่ ในโลกนี้จะมีผู้ใดกล้าล่วงเกินท่าน”

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook