• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่านนิยายสยบฟ้า พิชิตปฐพี เล่ม 15 ตอนที่ 3

    “ในเมื่ออาจารย์สั่งให้นางมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้า ก็แสดงว่าไม่รังเกียจที่จะให้นางฟังด้วย นอกจากนี้ แม้การเพาะเลี้ยงลมปราณจะคล้ายคลึงกับแนวทางการฝึกวิชาของพรรคมาร แต่ถ้ำแห่งนี้อยู่ห่างไกลจากดินแดนทางโลก ไยต้องใส่ใจในความคิดคร่ำครึเหล่านั้นด้วย”

     

    วันรุ่งขึ้น เฉินผีผีก็หอบหายใจแฮ่กปีนขึ้นเขามา หนิงเชวียย่อมต้องถากถางเหน็บแนมมันไปหลายคำด้วยเหตุที่มันหายหัวไปเสียหลายวัน

    คำแก้ตัวของเฉินผีผีมีมากมาย อาทิเช่น ทางขึ้นลาดชันเกินไป หน้าผาสูงชันน่าหวาดเสียวเกินไป แต่ไม่ว่าจะพยายามพูดอย่างไรก็ไม่ได้รับการให้อภัยจากหนิงเชวีย มันถอนใจเฮือกอย่างหมดปัญญา ไม่สนใจเสียงร้องเจี๊ยกๆ ของลูกวานรในถ้ำอีก เริ่มต้นอธิบายเคล็ดวิชาวิญญูชนมิใช่ภาชนะทันที

    “แนวคิดมิใช่ภาชนะแฝงหลักการที่ว่าลักษณะภายนอกไม่บ่งบอกร่องรอยที่แน่นอน เฉกเช่นรอยตีนห่านบนพื้นหิมะที่สะเปะสะปะไร้ซึ่งทิศทางที่ชัดเจน บัดเดี๋ยวไปทางทิศตะวันออก บัดเดี๋ยวไปทางทิศตะวันตก เช่นนั้นตอนเคลื่อนย้ายเจตนารมณ์เจ้าต้องทำอย่างไร้กฎเกณฑ์ ศัตรูจึงจะไม่มีทางรู้ว่าเจ้าคิดทำอะไร”

    เฉินผีผีอธิบายพลางยื่นนิ้วชี้ไปยังท้องฟ้าเบื้องบน พลังขุมหนึ่งพลันพุ่งออกจากปลายนิ้วไปในทันที แต่แทนที่จะพุ่งขึ้นสู่ท้องนภา กลับพุ่งเฉียดไหล่หนิงเชวียเลยไปยังผนังถ้ำด้านหลัง เสียงดังฉึก ผนังถ้ำบังเกิดรูกลมขึ้นหนึ่งรูที่มิทราบว่ามีความลึกเท่าใดในพริบตา!

    พลังขุมนี้ก็คือพลังปฐมแห่งฟ้าดินที่ถูกบีบอัดให้เล็กอย่างถึงที่สุด!

    หนิงเชวียตะลึงลานไป จนกระทั่งพลังดรรชนีเฉียดผ่านหัวไหล่ไปเจาะผนังถ้ำมันจึงค่อยได้สติกลับมา และแล้วความเย็นยะเยือกก็แล่นเข้าจับขั้วหัวใจ

    มันมิรู้ว่าดรรชนีนี้ของเฉินผีผีก็คือดรรชนีธารเทวะพิชิตปฐพีของอารามจือโส่ว ที่ทำให้มันแตกตื่นมิใช่อานุภาพของดรรชนี แต่เป็นทิศทางที่สุดจะคาดเดาต่างหาก

    ปลายนิ้วของเจ้าอ้วนน่าตายชี้ขึ้นฟ้าอยู่ทนโท่ แต่ไฉนพลังดรรชนีจึงพุ่งไปที่ด้านหลังมัน หรือนี่ก็คือวิญญูชนมิใช่ภาชนะ?

    “ที่พวกเราเหล่าผู้ฝึกฌานฝึกก็คือการใช้พลังจิตไปควบคุมพลังปฐมแห่งฟ้าดิน เทียบกับการทำอาหาร สังขารของพวกเราก็คือฟืน พลังจิตก็คือไฟ ฟ้าดินคือเตากับหม้อ พลังปฐมคือผักเนื้อและปลา และวิธีการต่อสู้ก็คือวิธีการปรุงอาหาร ส่วนจะสามารถทำออกมาได้เลิศรสหรือไม่ นอกจากปัจจัยที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญสุด คือความร้อนของไฟที่ใช้ปรุงอาหาร

    หากถามพ่อครัวคนหนึ่งว่าควรใช้ไฟอย่างไร พ่อครัวธรรมดาๆ คงตอบเจ้าอย่างละเอียดถึงเวลาที่ต้องใช้ต้มหรือนึ่งว่าควรนานเท่าใด ใช้ไฟแรงหรือค่อย แต่สุดยอดพ่อครัวที่แท้จริงจะไม่ตอบอย่างตายตัว มันแค่ใช้มือไปสัมผัสไอน้ำที่พวยพุ่งขึ้นมาก็รู้ทันทีว่าอาหารในหม้อได้ที่หรือยัง นี่คือประสบการณ์ที่ได้มาจากการปรุงอาหารชั่วชีวิต ยากที่จะอธิบายเป็นคำพูดได้ ต้องสัมผัสรับรู้ด้วยตัวเองเท่านั้นจึงจะเข้าใจ มิฉะนั้นอาจจะรู้สึกว่าการกระทำเช่นนี้เป็นเรื่องเลื่อนลอยเชื่อถือมิได้”

    เฉินผีผีสบตาหนิงเชวียขณะกล่าวว่า

    “ความร้อนของไฟก็คือเจตนารมณ์”

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook