• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน รหัสลับหลันถิงซวี่ ตอนที่ 2

    พอได้ยินแบบนั้น เผยเสวียนจิ้งก็กวาดตามองไปบนพื้นโดยละเอียดอีกครั้ง ทันใดนั้นนางก็สังเกตเห็นว่าในความมืดนอกรัศมีของโคมไฟนั้นมีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ นางแหงนหน้าขึ้นรวดเร็ว “ที่นั่นเหมือนมีคน!”

    ชุยเหมี่ยวตกใจ รีบตะโกนร้องถาม “ที่ไหน” แต่เผยเสวียนจิ้งกลับวิ่งตรงไปยังห้องที่อยู่ทางขวาก่อนแล้ว

    ผนังที่กั้นระหว่างห้องทั้งสองมีช่องเจาะเป็นประตูอยู่ บนนั้นมีผ้าม่านผืนหนึ่งกั้นขวางไว้ ภายในห้องไม่มีเทียนไขจุดไว้ แต่แสงสว่างจากห้องข้างๆ ก็มากพอแล้วที่จะช่วยให้นางเห็นสภาพโดยรอบได้ถนัดตา

    เทียบกันแล้วการจัดวางภายในห้องนี้เรียบง่ายยิ่งกว่าห้องข้างๆ เสียอีก ทางด้านล่างของผนังทางทิศเหนือมีโต๊ะบูชาอยู่ตัวหนึ่ง ด้านบนมีกระถางธูป บนผนังหลังโต๊ะบูชามีภาพวาดภิกษุภาพหนึ่งแขวนไว้ คาดว่าน่าจะเป็นพระอวิ้นผิง อาจารย์ที่จย่าชางเคยอยู่ปรนนิบัติรับใช้

    เผยเสวียนจิ้งมองไปทางด้านหลังของโต๊ะบูชา ภาพวาดคล้ายขยับน้อยๆ หากแต่ไม่ใช่เพราะลม เทียนไขบนโต๊ะกับห้องข้างๆ ต่างเหมือนกัน คือถูกดับลงก่อนหน้านี้ไม่นาน แต่ควันจากกำยานในกระถางยังคงม้วนลอยอ้อยอิ่งขึ้นสู่ด้านบน ค่ำคืนในฤดูร้อนที่แสนอบอ้าวเช่นนี้ สายลมแผ่วเบาอันใดล้วนไม่มี

    เผยเสวียนจิ้งรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของบรรยากาศชวนประหวั่นสายหนึ่ง นางอดเรียก “ท่านหมอชุย!” ออกมาเบาๆ ไม่ได้ เมื่อครู่เพราะบุ่มบ่ามนางถึงได้รีบรุดมุดเข้ามา หากแต่ในเวลานี้นางกลับนึกอยากมีใครสักคนมาช่วยเสริมกำลังใจ ยามนี้รอบกายนางมีก็แต่เพียงความว่างเปล่า ที่พอจะหวังพึ่งพาได้ก็มีหมอหนุ่มแซ่ชุยเพียงคนเดียวเท่านั้น

    แต่ที่ห้องข้างๆ กลับไม่มีความเคลื่อนไหว ชุยเหมี่ยวทั้งไม่ปรากฏตัวทั้งไม่ขานตอบ

    เผยเสวียนจิ้งทำอะไรไม่ถูก แม้จะรับรู้ได้เลาๆ ว่าถอยไปตอนนี้ก็ยังไม่สายเกินการ แต่เนื้อตัวนางกลับแข็งทื่อไม่อาจขยับ ราวกับถูกพลังไร้รูปร่างสายหนึ่งตรึงให้อยู่ติดกับที่ นางทำได้เพียงแต่เบิกตากว้าง จ้องมองไปที่ผนัง

    ผนังทางทิศเหนือมีภาพวาดแขวนอยู่ ส่วนผนังทางทิศใต้กับทิศตะวันตกล้วนมีประตู มีเพียงทางทิศตะวันออกเท่านั้นที่เป็นผนังเต็มทั้งผืน

    บนผนังทางทิศตะวันออกที่เป็นผนังเต็มทั้งผืนเพียงหนึ่งเดียวนั้น มีรอยน้ำหมึกประหนึ่งเมฆเคลื่อนคล้อยสายธารไหลรินสีดำเขียนถ้อยความเอาไว้ว่า

     

    ‘บนเขาฉินวั่ง สี่เยี่ยนสระหมึกชลธาร ทะเลสาบไคว่จี เดินทางด้วยใจสุขสำราญหยุดเท้าเสพรับเข้าใจสิ่ง เที่ยวท่องเปิดหูตาพาชื่นบาน ครั้นผู้น้องชิงลับลาล่วง ห้วงสุขสันต์พลันนิ่งงัน ยามนี้ลำธารเหือดเมฆหมอกสลาย ชั่วก้มเงยล้วนกลับกลาย เป็นเพียงซากร้างเก่ากาล ยากมิให้นึกสะท้อนใจ

    ท่านปู่จื่อโหยวผู้ล่วงลับ ปู่น้อยจื่อจิ้งผู้ลาจาก โลกล้วนขนานนามหยกงาม ทั้งสองวิพากษ์บันทึก ‘ผู้เลิศล้ำ’ ร่วมกับเซี่ยอัน ยามมีชีวิตอยู่จื่อจิ้งชมจื่อโหยวความสามารถสูงส่ง จื่อโหยวดีดพิณไว้อาลัยยามจื่อจิ้งอำลาจากโลกนี้ เห็นเหตุสะท้อนจิตคนกาลก่อน ให้โอนอ่อนคิดพ้องอยู่เสมอ ทอดถอนใจทุกคราที่พบเจอ ไฉนใจเป็นเช่นนี้มิรู้เลย

    ถึงกาลผ่านการณ์ผันแปรเปลี่ยนไป อารมณ์ไซร้ร่วมรู้สึกเหมือนหนึ่งเดียว อนุชนย่อมรู้ได้ถึงความเดิม

     

    เผยเสวียนจิ้งวิงเวียนศีรษะมากขึ้นเรื่อยๆ ตัวอักษรทุกตัวต่างกระโดดโลดเต้นไปมาอยู่ตรงหน้า นางอ่านวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายรอบ แม้จะไม่อาจเข้าใจว่ามันกำลังสื่อถึงสิ่งใดอยู่ แต่นางกลับรู้สึกได้ว่าถ้อยความเหล่านั้นมีความหมายลึกซึ้ง ท่วงทำนองงดงามละมุนละไม ลีลาจากปลายพู่กันที่เป็นไปอย่างอิสระเองก็ชวนให้รู้สึกอิ่มตาอิ่มใจยิ่งนัก

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook