• Connect with us

    Enter Books

    ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่านนิยาย เพลงกลอนคลั่งยุทธ์ เล่ม 3 บทที่ 3

    เนื่องเพราะชื่อเสียงสำนักกระบี่ฮว่าซานเฟื่องฟูอย่างยิ่ง แต่ไรมาผู้ที่ใคร่กราบเข้าสำนักไปจนถึงขอคำชี้แนะเพลงกระบี่มีมากมายเหลือเกิน สำนักฮว่าซานจึงสร้างหอเจี้ยนซิ่งหลังนี้ตรงเชิงเขาของยอดเขาซีเยวี่ยเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน วันที่เจ็ดและยี่สิบสองของทุกเดือนจะเปิดให้นักสู้ทุกคนเข้าสำนักประลองวิชา และให้ผู้ที่จะกราบอาจารย์รับการทดสอบ เพื่อหลีกเลี่ยงรบกวนการบำเพ็ญของศิษย์ฮว่าซานในอาศรมบนเขา สำนักฮว่าซานเป็นเช่นเดียวกันกับสำนักอู่ตังแต่ก่อน นอกจากฝึกยุทธ์ยังบำเพ็ญเต๋าควบคู่ไปด้วย ทั่วทั้งสำนักฮว่าซานล้วนเป็นนักพรตเต๋านิกายเฉวียนเจิน

    หลังก่อตั้งหอเจี้ยนซิ่ง แต่ไรมาผู้ที่สามารถผ่านเข้าไปกราบอาจารย์ฮว่าซานได้ปีหนึ่งมีไม่เกินยี่สิบคน ผู้ที่เข้ามาท้าประลองทลาย ‘หอเจี้ยนซิ่ง’ ข่มขวัญ ‘อารามเจิ้นเยวี่ย’ แหล่งฐานบนเขาของสำนักฮว่าซานได้ยิ่งไม่เคยมีแม้แต่คนเดียว

    นักพรตวัยกลางคนที่ประลองกับผู้คนและรับผิดชอบหอเจี้ยนซิ่งคนนี้นามว่าเฉินไท่ขุย หนึ่งปีก่อนเพิ่งได้เลื่อนขั้นเป็นศิษย์สาวกสืบมรรคาของสำนักฮว่าซานอย่างลำบากยากเข็ญ มันอารมณ์ยังไม่คงที่ แต่รักการต่อสู้อย่างยิ่ง หน้าที่ป้องกันประตูหอเจี้ยนซิ่งนี้ สำหรับมันคือตำแหน่งหน้าที่อันประเสริฐโดยแท้จริง วันอื่นๆ ของทุกเดือน มันแทบจะเอาเวลาทั้งหมดเฝ้ารอการมาถึงของสองวันนี้

    ยังมีนักพรตใบหน้ามีเมตตา เรือนร่างกำยำอีกรูปหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างผนังหลังเฉินไท่ขุย มือทั้งสองรวบชิดอยู่ในแขนเสื้อกว้างของชุดนักพรต กึ่งหรี่ตาอยู่ คล้ายกำลังทำสมาธิ และคล้ายกำลังยิ้มน้อยๆ มันคือลั่วไท่ฉีศิษย์พี่ของเฉินไท่ขุย ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ดูแลหอเจี้ยนซิ่งได้สองปีแล้ว สองปีมานี้มันไม่จำเป็นต้องจับกระบี่ไม้ข้างกายขึ้นมาเลยสักครั้งเดียว

    ชายหนุ่มผู้นั้นเดินมาถึงกลางลาน ถือกระบี่ไม้คว่ำลง ประสานหมัดโค้งตัวให้เฉินไท่ขุยอย่างถ่อมตัว

    บนแขนของชายหนุ่มมัดแถบผ้าขาวชิ้นหนึ่งไว้ก่อนแล้ว ปกติเวลาเข้าประตูหอเจี้ยนซ่งต้องแสดงตัวเสียก่อน เพื่อให้รู้ว่าเป็นการมากราบขอรับทดสอบจากศิษย์สำนักฮว่าซาน หรือมาขอคำชี้แนะเพลงกระบี่ฮว่าซาน ผู้มาทดสอบพันผ้าขาวบนแขน ผู้มาขอคำชี้แนะพันผ้าแดง

    ผู้เข้าหอเจี้ยนซิ่งแต่ไรมา ในสี่สิบห้าสิบคนมักไม่มีสักคนมัดแถบผ้าแดง เพลงกระบี่ฮว่าซานโด่งดังทั่วหล้า ฝีมือและชื่อชั้นเป็นเอกมาเนิ่นนาน ยังจะมีผู้ใดมาท้ารบ แต่บางครั้งยังคงมีเด็กหนุ่มที่บ้าคลั่งวรยุทธ์หรือเคยฝึกเพลงกระบี่ไม่กี่ปี ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ มีความกล้ามาใช้ร่างกายพิสูจน์เพลงกระบี่ของสำนักใหญ่เลื่องชื่อกับตนเองว่าระยะห่างที่แท้จริงมีมากเท่าใด

    คนเหล่านี้ ส่วนมากล้วนมิอาจใช้ขาทั้งสองของตนเองเดินกลับบ้านได้

    คนที่ถูกโจมตีจนล้มลงเมื่อครู่ถูกหามไปยังข้างหนึ่งในหอ ยังคงส่งเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดออกมา

    ชายหนุ่มที่ถือกระบี่ไม้ได้ยินเสียงครวญครางนี้ แววตาหวาดกลัวยิ่งขึ้น มันเผชิญหน้ากับเฉินไท่ขุยนานมากแล้วก็ยังมิกล้าเปลี่ยนกระบี่ไม้ที่ถือคว่ำเป็นจับตรงเตรียมประลอง

    เฉินไท่ขุยมองเพียงแวบเดียว ถอนหายใจกล่าว “อย่ามัวเสียเวลา คนต่อไป!”

    ชายหนุ่มซึมเศร้า แต่ก็คล้ายยกภูเขาออกจากอก มอบกระบี่ไม้คืนให้นักพรตน้อย สายตาและใบหน้าของลั่วไท่ฉีเต็มไปด้วยความสะอิดสะเอียนดูแคลน

    Comments

    comments

    Continue Reading

    More in ทดลองอ่าน

    นิยายยอดนิยม

    Facebook