“ไม่ใช่พี่สะใภ้ ต้องเป็นนายหญิง”
“คำเรียกหาว่านายน้อยข้าเพิ่งจะมาเปลี่ยนตอนเดินทางออกจากเมืองเว่ย”
พูดจบหนิงเชวียก็หวนนึกถึงตอนพาซังซังไปเรือนหงซิ่วเจาเพื่อคัดเลือกหญิงงาม จึงอดหัวเราะขึ้นมามิได้ เพราะมันเข้าใจแล้วว่าทำไมหลายวันมานี้จิตใจตัวเองจึงว่างเปล่าโหรงเหรง ที่แท้เป็นเพราะมันยังไม่ได้ขอความเห็นจากคนผู้หนึ่งนั่นเอง หรือพูดอีกอย่างก็คือมันยังไม่ได้รายงานให้คนผู้หนึ่งรับรู้ และยังไม่ได้ยินคำพูดบางอย่างที่อยากได้ยิน
มันถามต่อด้วยท่าทีจริงจัง
“เจ้าว่าแม่นางโม่ซันซันเป็นอย่างไรบ้าง”
ซังซังจ้องตามันเงียบๆ อยู่เป็นครู่ ก่อนยกชามข้าวขึ้นมาใหม่ ตอบว่า
“ประเสริฐยิ่ง”
หนิงเชวียมองท่าพุ้ยข้าวกินจนใบหน้าแทบจะมุดลงไปอยู่ในชามของซังซัง ก็ถามอย่างประหลาดใจว่า
“แค่ประเสริฐยิ่งเท่านั้นน่ะหรือ”
ซังซังเงยหน้าขึ้นตอบสั้นๆ
“ใช่”
หนิงเชวียมองดวงตาสุกใสดุจสายน้ำ มองเส้นผมสีเหลืองด้านเหมือนต้นหญ้าแห้งในฤดูเหมันต์ที่กำลังอับเฉา และมองเม็ดข้าวที่ติดอยู่บนแก้มของนาง เงียบไปนานก่อนยิ้ม
“ไม่มีอะไร แค่ถามเล่นๆ เท่านั้น”
มันยื่นมือไปหยิบเม็ดข้าวบนแก้มซังซังโยนใส่ปากตัวเองอย่างชำนาญ จากนั้นก้มหน้ากินข้าวต่อ ทว่ามิรู้ทำไมจิตใจพลันเปลี่ยนเป็นตกต่ำอยู่บ้าง คิดในใจ ซังซังของมันยังคงเป็นเด็กอยู่เหมือนเดิมจริงๆ
กินข้าวเสร็จ ทุกสิ่งทุกอย่างก็ดำเนินไปตามที่เคย ซังซังไปต้มน้ำ ล้างจาน หนิงเชวียจับพู่กันเขียนยันต์ พอรู้สึกเหนื่อยล้าก็เขียนภาพอักษรลายพู่กันสักหลายแผ่นเพื่อปรับสภาพจิตใจ เวลาล่วงเลยไปจนดึกดื่นค่อนคืนจึงค่อยล้างเท้าขึ้นเตียงนอน
ตอนนี้เป็นช่วงปลายเหมันต์ วสันต์ฤดูยังไม่มาเยือน ฉางอันยามราตรีจึงยังคงหนาวเย็น สองนายบ่าวต่างนอนสลับหัวเท้าบนเตียงเตาที่ก่อใหม่เมื่อเหมันต์ปีที่แล้ว เท้าเล็กๆ ของซังซังที่ล้างจนสะอาดสะอ้านถูกหนิงเชวียกอดไว้แนบอก มันลูบเท้าที่ขาวเนียนดุจหยกเนื้อดีของนางอย่างเป็นสุข ไม่นานก็เข้าสู่ห้วงนิทรารมณ์
คืนนี้ก็เหมือนคืนอื่นๆ ที่หนิงเชวียกับซังซังอยู่ร่วมกันมาตลอดระยะเวลาสิบห้าปี ไม่มีอันใดผิดแผกแตกต่าง ทว่าซังซังกลับยังนอนลืมตามองเพดานที่แปะกระดาษยันต์ไม่ใช้แล้วอยู่เงียบๆ คล้ายกำลังมองผนังถ้ำบนเขาหมินซานและผนังบ้านก่อด้วยดินของพวกมันในเมืองเว่ย
ฟ้ายังไม่ทันสาง ไก่ยังไม่ทันขัน ซังซังก็ลุกขึ้นจากเตียง สวมชุดสาวใช้ที่เห็นได้ชัดว่าหลวมโพรกกับรองเท้าที่ค่อนข้างเก่า แล้วเปิดประตูเดินไปที่ลานหลังบ้าน
นางปัดหิมะที่เกาะอยู่ตามขอบบ่อทิ้ง ก่อนตักน้ำเติมโอ่งในห้องครัวจนเต็ม เอาฟืนที่สับไว้แล้วเมื่อวันก่อนไปวางเรียงข้างกำแพงอย่างเป็นระเบียบ จากนั้นหยิบไม้กวาดไปกวาดพื้นหน้าร้าน เช็ดโต๊ะเก้าอี้ เก็บพู่กันหมึกกระดาษและจานฝนหมึกที่เมื่อคืนหนิงเชวียวางทิ้งไว้เรี่ยราด แล้วนั่งยองๆ ตรวจสอบดูว่าแกนประตูที่ซ่อมแล้วมีปัญหาอีกหรือไม่
งานเหล่านี้คืองานที่นางทำทุกวันเป็นประจำ เพียงแต่วันนี้นางคล้ายจะตั้งใจทำอย่างจริงจังมากเป็นพิเศษ หลังทุกอย่างเสร็จลงและขอบฟ้าทางทิศตะวันออกเริ่มมีแสงอรุณเรืองเรื่อ นางก็ออกไปซื้อก๋วยเตี๋ยวเปรี้ยวเผ็ดที่หน้าปากซอยมาสองชาม
พอกินก๋วยเตี๋ยวเปรี้ยวเผ็ดของตัวเองจนหมด เอาชามไปล้างแล้ว นางก็เดินกลับเข้าห้องนอนลงมือเก็บเสื้อผ้า ดึงหีบออกจากที่ซ่อนอย่างเบามือ แบ่งตั๋วเงินออกเป็นสองส่วนเท่าๆ กัน จากนั้นนำส่วนหนึ่งซุกเก็บในอกเสื้อ
นางยืนขมวดคิ้วเพ่งมองหนิงเชวียที่ยังคงหลับอุตุอยู่นาน ก่อนพาดห่อผ้าขึ้นไหล่เดินจากไปโดยปราศจากความลังเล
ประตูร้านเหล่าปี่ไจเปิด
ประตูร้านเหล่าปี่ไจปิด
เมื่อหลายวันก่อนประตูถูกซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว จึงไม่ส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดปลุกเรียกผู้คนอีก ร่างผอมเล็กที่บนบ่าพาดห่อผ้าเอาไว้หายลับไปในรอยต่อของความมืดและแสงอรุณ ราวกับไม่เคยมีร่างนี้ปรากฏอยู่ที่นี่มาก่อน
โปรดติดตามตอนต่อไป…